วันศุกร์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2560

ทำอะไรกันดีในวัน..คุ้มครองโลก (Earth day)

                  

 เชื่อว่าหลายคนคงไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีวัน Earthday หรือวันคุ้มครองโลก  
มาอัพความรู้กันนิสนึง!!  
Earthday ตรงกับวันที่ 22เมษายนของทุกปี ก่อตั้งขี้นในปี 1970 โดยนาย Gaylord Nelson ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการรัฐ วิสคอนซิน มีวัตถุประสงค์เพื่อต่อต้านการทำสงครามและการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมโลก ในปัจจุบัน Earthday ได้มุ่งเน้นไปที่ การลดภาวะโลกร้อนและพลังบริสุทธิ์ มีผู้เข้าร่วมจาก 184 ประเทศและองค์กรภาคีด้านสิ่งแวดล้อมกว่า 5,000 ราย ธีมหลักของ Earthday 2017 คือการมุ่งให้ความรู้ด้านสิ่งแวดล้อม (Environment) และเรื่องสภาพอากาศ (Climate)    
    เป็นที่รู้กันว่าในหลายปีที่ผ่านมา สภาพอากาศแปรปรวนเกิดขึ้นบ่อยครั้ง จนเกิดเป็นภัยธรรมชาติ ทั้งแผ่นดินไหว สึนามิ พายุไซโคลนต่างๆ และอุณหภูมิโลกที่ร้อนขึ้นอย่างผิดปกติ อย่างกรณี เกรตแบร์ริเออร์รีฟ (Great Barrier Reef) แนวปะการังที่ใหญ่ที่สุดในโลก อายุมากกว่า 25 ล้านปี ในประเทศออสเตรเลียที่ถูกฟอกขาวเป็นบริเวณกว้างเนื่องจากได้รับผลกระทบจากเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก  อุณหภูมิของนำ้ทะเลที่ร้อนมากขึ้นจนสิ่งชีวิตในปะการังที่ทำให้เกิดสีนั้นตายลง...
                            ภาพจาก XL Catlin Seaview Survey

      ทำให้หวนย้อนคิดว่า!!
    "อะไรคือต้นเหตุการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก?" 
    "อะไรคือต้นเหตุแห่งมลภาวะที่เป็นพิษต่อโลก?"

ถ้าตอบแบบมองออกนอกตัว ก็คงตอบได้ว่า เพราะการเมือง .. เพราะโรงงานอุตสาหกรรม.. เพราะคนจับปลา..หรือเพราะหมีขั้วโลก(ทำนำ้แข็งละลาย) 
แต่ถ้าเปลี่ยนกลับมามองที่ตัวเรา เห็นอะไรบ้าง? เรามีส่วนสร้างปัญหามากน้อยแค่ไหน? ดูง่ายๆ 

               "เราผลิตขยะมากแค่ไหนใน 1วัน "
ตัวผู้เขียนเคยได้ยินพระอาจารย์ท่านหนึ่งกล่าวว่า ร่างกายมนุษย์นี้เป็นแหล่งผลิตขยะของเสียทุกวัน!!  อุ๊ต๊ะ !! จริงหรือ? เลยหยุดคิดและสำรวจตัวเอง ก็พบจริงดังนั้น ท่านกล่าวอีกว่า ทุกวันเซลล์ในร่างกายเราตาย 10ล้านเซลล์ /วัน ดังนั้นเราจึงต้องมีการทำความสะอาดชำระล้างร่างกายทุกวัน เพื่อนำเอาของเสีย เหงื่อไคลออกจากร่างกาย  มีการเติมพลังงาน ด้วยการกินอาหาร ดึงทรัพยากรโลกเข้ามาเพื่อบริโภคและขับของเสียออกทุกวัน 

                                           ภาพจาก http://www.xn--22cl8ctcwc9g.com
 ภาพจาก http://www.healthandtrend.com

นี่คือความจริงที่เกิดกับร่างกายมนุษย์ทุกคน แล้วที่ตามมาคือภาชนะ หีบห่อที่ใส่เครื่องทำความสะอาด และอาหารเหล่านั้น เศษเหลือจากอาหาร และสารเคมีจากการผลิต...โอ้วว!! มากมาย 
ยิ่งถ้าคุณผู้หญิงที่แต่งหน้าด้วยละก้อ ตื่นเช้ามาก็โปะ โปะแล้วก็ทา ทาแล้วก็เขียน เย็นมาก็ล้างทิ้ง..ทุกวัน!! คงพอคำนวณค่าเสียหายได้นะ นี่แค่ผลเบื้องต้นจากการผลิตขยะทางกาย!!

                                                       ภาพจาก http://p4.isanook.com

     ทีนี้มาดูการผลิตขยะมลพิษทางอารมณ์กันบ้าง!!..
ตัวผู้เขียนก็ทำงานวิจัยระดับจิ๋วกับตนเองและผู้คนรอบข้างว่าอารมณ์สัมพันธ์อย่างไรกับการสร้างมลภาวะ?
เบื้องต้นในการทำงานทุกที่ย่อมมีความขัดแย้ง พออารมณ์หงุดหงิดเข้าแล้ว ใจก็ร้อนรุ่ม ทำให้อุณหภูมิของร่างกายสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ต้องการที่จะระบายออก..แน่นอน เมืองร้อนอย่างเมืองไทย เปิดแอร์แรงไปเลย..กินนำ้เย็น หรืออาจถึงขั้นทำลายข้าวของ! บางครั้งถึงขั้นทะเลาะเบาะแว้ง คิดแช่งชักหักกระดูก จะตามสิงทุกภพชาติ..!!  


                       ภาพจาก  https://1zyzzo39xalr171krn3ks8v8-wpengine.netdna-ssl.com

"อารมณ์ที่ขุ่นมัวของคนหนึ่งคนสามารถส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง  ขยะทางจิตใจนี้รุนแรงและเป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อม ต่อโลกใบนี้เป็นอย่างมาก" เพราะมนุษย์.... 

มีทั้ง "ความโลภ"  อยากได้ทุกอย่าง ทั้งหมดเพียงคนเดียว  
"ความโกรธ" ที่พร้อมทำลายล้างทุกอย่างเพื่อให้ตนเป็นผู้ชนะ 
"ความหลง" มองไม่เห็นตนเอง ไม่เห็นทางออกของปัญหาด้วยสันติวิธี  
                                          ภาพจาก  https://s-media-cache-ak0.pinimg.com


                                     ภาพจาก https://unstrangemind.files.wordpress.com



     ปัญหาที่เกิดในสังคมทุกวันนี้ ขยะทางจิตใจมีพิษร้ายแรงและส่งผลกระทบรุนแรงต่อคนทั้งโลกจริงๆ คงไม่ต้องยกตัวอย่างว่าเรื่องอะไรนะ!! รู้ๆกันอยู่ 
ผสมกับการสื่อสารที่ฉับไวในโลก Social media ที่ประโคมข่าว และสร้างวาทะกรรมใหม่ๆ ที่เน้นความสะใจ ให้กลุ่มนักท่องไซเบอร์อย่างมาก ทำให้เกิดกระแสการตัดสิน วิพากษ์วิจารณ์จากสังคม จนเกินเลยบางครั้งเป็นเหตุให้จบชีวิตลง เพราะเรื่องเล็กน้อยเหล่านั้น 

     ดังนั้นในวัน Earthday ปีนี้ เรามาร่วมกันเคลียร์ขยะในใจ สละขยะทางอารมณ์ที่คั่งค้าง !!  ไม่ว่าจะเป็นขยะเก่าเก็บแค่ไหนหรือขยะสดที่เพิ่งเกิดขึ้น ครั้นจะไปอาบนำ้แร่ แช่นำ้มนต์ ก็คงไม่ใช่..

"แต่วิธีกำจัดขยะทาใจที่ได้ผลดีมากๆวิธีหนึ่ง ที่ทุกคนทั่วโลก ทุกเชื้อชาติ ทุกเผ่าพันธุ์ ต่างยอมรับและสามารถปฏิบัติได้ และสามารถรับรู้ถึงผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นต่อจิตใจได้อีกด้วย"  อยากลองแล้ว!!
  
         "วิธีการที่ว่านี้คือ..การทำสมาธิ (Meditation)"


                                     ภาพจาก https://s-media-cache-ak0.pinimg.com

     การปฏิบัติสมาธิ คือการหยุดนิ่ง  หยุดทุกการกระทำ..หยุดการเคลื่อนไหวร่างกาย..หยุดใจอยู่กับตนเอง..ทำจิตใจให้สงบ สัมผัสถึงร่างกายและจิตใจที่สอดประสานกัน เมื่อใจได้พบกับการหยุดนิ่ง สันติภาพในใจจะบังเกิดขึ้น  
เมื่อเข้าใจถึงตัวเอง เข้าใจธรรมชาติรอบตัวชัดเจนขึ้น  การลดการทำลายสิ่งแวดล้อม  การไม่เบียดเบียนผู้ใด การไม่คิดร้ายผู้ใด การไม่อยากได้อยากมีเกินตัว การเป็นตนเองที่บริสุทธิ์ และเข้าใจผู้อื่นอย่างแท้จริงจะบังเกิดขึ้น 



แล้วจึงแผ่กระแสแห่งความปรารถนาดี ความรู้สึกดีๆ ความสุขใจนี้ ให้แก่เพื่อนมนุษย์ร่วมโลกต่อไป.. เป็น Network ของความรู้สึกที่เป็นมิตร แววตาที่ปรารถนาดีซึ่งกันและกันจะส่องประกายออกมา   


                                              ภาพจาก http://3.bp.blogspot.com



                                               ภาพจาก https://kripalu.org


สิ่งที่ได้รับ.. คือความรู้สึกเย็น ชื่นฉ่ำภายในใจและรอยยิ้ม ที่ปรารถนาดีต่อผู้อื่น  แล้วท่านอาจแปลกใจที่เห็นคนรอบข้างส่งรอยยิ้ม กลับมาให้ท่านอย่างเป็นมิตร  
  


                                         ภาพจาก https://s-media-cache-ak0.pinimg.com


                       "Earthday ปีนี้เริ่มทำสมาธิ..
          ..เพื่อเป็นสิ่งแวดล้อมที่ดีให้แก่โลกใบนี้ร่วมกัน"


                                             ภาพจาก  http://cdn.quotesgram.com

Alex 
Free my realm
http://freemindrealm.blogspot.com/2017/04/earth-day.html

ขอบคุณภาพทุกภาพ ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมที่  http://www.earthday.org

วันจันทร์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2560

สาเหตุที่เปลี่ยนมาตั้งใจ..สวดธรรมจักร?

  

ช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ สำหรับประชาชนอย่างเราๆ ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมาก อาจมีข่าวหวือหวาเพิ่มอุณหภูมิให้จิตใจเรื่องห้ามนั่งท้ายกระบะหลังมาบ้าง พอให้คันหัวใจ แต่กิจกรรมตามประเพณีที่ดีงามเช่นการรดน้ำพระพุทธรูปและขอพรจากผู้ใหญ่ก็คงดำเนินต่อไป ผู้คนยังคงเล่นสาดน้ำดับร้อนอย่างสนุกสนาน ประแป้งกันหน้าขาวโพลนจนแทบจำกันไม่ได้ แต่ที่คงเส้นคงวาก็คือ..อากาศที่ร้อนและร้อนที่สุดเหมือนเดิมทุกปีและภาพถนนที่ว่างเปล่าในกรุงเทพฯเป็นช่วงโปรโมชั่นของไฟเขียวกันเลยทีเดียว!!
   

 แต่มีคนอีกกลุ่มที่ทำเรื่องที่ไม่เคยทำมาก่อน ชวนครอบครัว ผู้เฒ่า หนุ่มสาว เด็กน้อยมาสวดมนต์บทธรรมจักร เพื่อเสริมสิริมงคลแก่ตนเองและเพื่อดับความร้อน ความร้อนจากใจ! ความร้อนจากกิเลส!  ความร้อนจากสงคราม!


 ทว่าอาจเป็นเพียงความเชื่อของคนกลุ่มหนึ่งเท่านั้น ที่อยากทำบุญ สร้างกุศล ให้ตนเองไม่คิดทำร้ายผู้อื่น ให้ตนเองได้พบกับแสงสว่างแห่งธรรมะ พบกับความสงบและแผ่กระแสแห่งความสงบนี้ไปให้แก่เพื่อนมนุษย์ร่วมโลก เราคงได้ยินเรื่องของพลังงานมาบ้าง  เรื่องของกฎแรงดึงดูดมาบ้าง การแผ่กระแสแห่งความเมตตานี้เป็นพลังงานรูปแบบหนึ่งที่สามารถส่งต่อถึงกันได้ จริงแท้ประการใดต้องพิสูจน์ด้วยตนเอง ตามหลักคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า 
     แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาเมื่อเราคิดให้สิ่งที่ดีๆต่อผู้อื่น..
นั่นคือความสุขใจ...ที่ผู้ให้รับรู้ได้เองอย่างแน่นอน



หากแม้บุญจากการสวดบทธรรมจักรสามารถดับความร้อนในใจได้ ช่วยดับกิเลสในใจมนุษย์และยังสามารถแผ่กระแสแห่งความสงบไปได้ทั่วโลก จนดับไฟจากสงครามที่กำลังเริ่มปะทุ ของประเทศมหาอำนาจนั้นลงได้ ก็ถือว่าคุ้มค่าอย่างมากมาย!!  
พอคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ก็ทำให้ฉุกคิดขึ้นได้ว่าตัวเรานี้ก็มีหนึ่งชีวิตเท่าเทียมกันทุกคน หากในชีวิตของเรานี้จะสามารถทำคุณประโยชน์ให้แก่โลกใบนี้ได้...ด้วยการมีส่วนช่วยให้ความรุนแรงที่มีทีท่าว่าจะปะทุเป็นสงครามนี้..มอดดับลงได้..ย่อมเป็นเรื่องที่ดีอย่างมาก!!  
สงครามไม่เคยให้ผลดีกับใครเลยไม่ว่าผู้แพ้หรือผู้ชนะ สงครามคร่าชีวิตผู้คนมากมายหลายล้านคน มีแต่ความสูญเสีย ความอดอยาก ความพลัดพราก และสร้างบาดแผลในใจแก่ผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่



                                         ภาพจาก http://www.defensenews.com
                                              ภาพจาก  http://www.inquisitr.com




ภาพจาก htps://learnhowtobeprepared.com

พอนำความคิดนี้ไปเล่าให้ผู้ใหญ่ท่านหนึ่งฟัง ท่านเป็นอัมพฤกษ์และใช้ชีวิตไปเรื่อยๆเพื่อรอวันละโลกไป สวดมนต์บ้างไม่สวดบ้างตามอารมณ์ ใช้ชีวิตส่วนมากหน้าจอทีวี ..โดยเล่าว่า..ในช่วงสุดท้ายของชีวิตนี้!! ท่านยังสามารถนำเรี่ยวแรงกำลังที่เหลืออยู่มาสร้างคุณค่าให้แก่ชีวิตตัวเองได้อีกและได้บุญมากอีกด้วยนะ  ท่านตาโต หูผึ่ง !! เริ่มสนใจหากการที่เราสวดมนต์นี้สามารถช่วยชีวิตผู้คนได้อีกมากมาย  หากกระแสแห่งความปรารถนาดีต่อเพื่อนมนุษย์ส่งต่อถึงกันได้จริงและทำให้เกิดสันติภาพขึ้นได้จริงหล่ะ!!  


                           ภาพจาก  https://photoofdays.blogspot.com/


สิ่งที่ทำอาจดูเล็กน้อยและไม่น่าเป็นไปได้ แต่หากเป็นไปได้จริงก็คุ้มค่ามากใช่ไหม? ที่เราสามารถช่วยชีวิตผู้คนที่บริสุทธิ์อีกจำนวนมากให้ปลอดภัย ถ้าเปรียบเป็นการลงทุนก็ถือว่าคุ้มค่ามาก 
เล่าเสร็จดังนี้ท่านผู้ใหญ่ท่านนี้ที่ค้าขายมาตลอดชีวิต คิดเหตุผลตาม ดีดลูกคิดในหัวก็คงเห็นชัดว่า "การสวดมนต์ไม่มีอะไรเสียหายนี่! มีแต่กำไรชีวิตล้วนๆ"  ว่าแล้ววันรุ่งขึ้นก็ได้เห็นเจ้าสัวผู้ชาญฉลาดท่านนี้เปลี่ยนไป แววตาสดใส.. มีพลัง..เห็นขุมทรัพย์ของชีวิต นับแต่วันนั้นมาท่านสวดมนต์ต่อเนื่องทุกวันอย่างตั้งใจ ไม่มีขาด มีรอยยิ้ม มีความสุขใจ ใช้ทุกวันที่เหลืออยู่อย่างตื่นตัว ... 
เริ่มต้นจากความคิดที่เป็นกุศล และเข้าใจคุณค่าของตนเอง รักตัวเองมากพอ..ผู้ใหญ่ท่านนี้ยังเปลี่ยนได้เลย...


ภาพจาก https://www.pinterest.com

          "การสร้างความดี สร้างบุญให้แก่ตนเองนั้น
     ล้วนต้องแลกมาด้วยความอดทนอย่างมาก" 

           อดทนต่อความเมื่อยล้าของสังขารร่างกาย อดทนต่อความอยากและความไม่อยากของจิตใจ อดทนต่อคำพูดกระทบกระทั่งของคนที่ไม่เข้าใจ  อดทนเพื่อทำร่างกายและจิตใจของเราให้สงบนิ่งและบริสุทธิ์ มากพอที่จะเป็นจุดสว่างที่สามารถส่งต่อความสว่าง 

             "ส่งต่อสันติภาพที่เกิดขึ้นในใจของเรา
                    สู่สันติภาพในใจของผู้อื่น "
            


แค่นี้บุญก็เกิดแก่ตัวเองแล้ว...เมื่อคิดได้ดังนี้และลงมือทำด้วยความเต็มใจ “เริ่มต้นที่ตัวเราเข้าใจคุณค่าของการมีชีวิต ด้วยความเคารพต่อทุกชีวิต....อย่างนี้สันติภาพจะไม่เกิดขึ้นได้อย่างไรกัน !!!  
        เปลี่ยนใจ..มาตั้งใจสวดมนต์ด้วยกันนะ!!


 ภาพจาก  https://photoofdays.blogspot.com/



Alex…
Free Mind Realm

http://freemindrealm.blogspot.com/2017/04/blog-post.html
ขอบคุณทุกภาพจากทุกแหล่งที่มา